เจาะหลักสูตรเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรเภสัชศาสตร์มากมาย ซึ่งล้วนแต่มีจุดเด่นและความน่าสนใจแตกต่างกันไป หลักสูตรเหล่านี้ได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรม ทำให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาสามารถสอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม และประกอบอาชีพเภสัชกรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 

บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย และโอกาสในการทำงานหลังสำเร็จการศึกษา เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจศึกษาต่อ

บทบาทของสภาเภสัชกรรม

สภาเภสัชกรรมเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรับรองหลักสูตรเภสัชศาสตร์ของสถาบันต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการเป็นสมาชิกและขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม การรับรองหลักสูตรนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะเภสัชศาสตร์ควรรู้ เพราะมีผลต่อการประกอบวิชาชีพในอนาคต  หลักสูตรที่ผ่านการรับรองจากสภาเภสัชกรรม จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีความรู้ความสามารถตรงตามมาตรฐานวิชาชีพ และสามารถประกอบอาชีพเภสัชกรได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลักสูตรเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย

ในปี พ.ศ. 2567 มีมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรเภสัชศาสตร์ และได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรมจำนวน 21 แห่ง ได้แก่ 

1) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

2) มหาวิทยาลัยมหิดล 

3) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

4) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 

5) มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

6) มหาวิทยาลัยศิลปากร 

7) มหาวิทยาลัยนเรศวร 

8) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 

9) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 

10) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 

11) มหาวิทยาลัยพะเยา 

12) มหาวิทยาลัยรังสิต 

13) มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 

14) มหาวิทยาลัยสยาม 

15) มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย 

16) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

17) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 

18) มหาวิทยาลัยพายัพ 

19) มหาวิทยาลัยบูรพา

20) มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น

21) สถาบันวิทยาการประกอบการแห่งอโยธยา

 

หมายเหตุ: บางสถาบันจะเป็นการรับรองแบบมีเงื่อนไข กล่าวคือ เป็นสถาบันที่สภาเภสัชกรรมให้การรับรอง แต่จะต้องมีนักศึกษาที่จบจากสถาบันนั้นๆ สอบใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมผ่านเกิน 50% เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน หากไม่ผ่านเกณฑ์ สภาเภสัชกรรมอาจพิจารณาเพิกถอนการรับรอง ทั้งนี้สามารถหาข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับการรับรองจากประกาศของสภาเภสัชกรรมได้ที่  www.pharmacycouncil.org 

ประเภทของปริญญาเภสัชศาสตร์

มหาวิทยาลัยในประเทศไทยเปิดสอนหลักสูตรเภสัชศาสตร์ในหลายระดับ ได้แก่

ปริญญาตรี: หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) เป็นหลักสูตร 6 ปี ที่มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม 

ปริญญาโท: หลักสูตรเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต (ภ.ม.) เป็นหลักสูตรที่เสริมสร้างความรู้และทักษะขั้นสูงในสาขาเฉพาะทาง เช่น เภสัชกรรมคลินิก เภสัชเคมี ฯลฯ 

ปริญญาเอก: หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.) สาขาเภสัชศาสตร์ เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าวิจัยเชิงลึกในสาขาเภสัชศาสตร์ 

ข้อมูลโดยรวมของหลักสูตร

หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ส่วนใหญ่เป็นหลักสูตร 6 ปี โดยในช่วง 4 ปีแรก จะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐานสำหรับวิชาชีพทางเภสัชศาสตร์ ส่วนปีที่ 5-6 จะเป็นกลุ่มวิชาเลือกในสาขาวิชาต่างๆ 

ตัวอย่างรายละเอียดหลักสูตรของบางมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมหิดล: หลักสูตรระดับปริญญาตรี 6 ปี  มีรูปแบบการเรียนการสอนแบบทวิภาค ภาคการศึกษาละ 16 สัปดาห์ หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการผลิตเภสัชกรที่มีความรู้ ความสามารถที่เหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน มีคุณธรรม จริยธรรม และมีทักษะการทำงานที่หลากหลาย ผู้เรียนจะได้ศึกษาในหมวดวิชาต่างๆ เช่น วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการมีชีวิตที่ดี การตัดสินใจโดยใช้หลักสถิติ เคมีทั่วไป เคมีอินทรีย์ ฟิสิกส์เบื้องต้น ชีววิทยา รวมถึงวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น ชีวเภสัชและเภสัชจลนศาสตร์ 

มหาวิทยาลัยศิลปากร: หลักสูตร 6 ปี โดยนักศึกษาต้องเลือกลงเรียนในสาขาวิชาต่างๆ ในชั้นปีที่ 5-6 เช่น สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ และสาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม หลักสูตรนี้ครอบคลุมเนื้อหาด้านศิลปวิทยาการและวิทยาศาสตร์ของยา การเสาะแสวงหา การประดิษฐ์สารจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้นเป็นยาสําเร็จรูป 

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: หลักสูตร 6 ปี มี 2 สายวิชา ได้แก่ สายวิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม และสายวิชาบริบาลเภสัชกรรม หลักสูตรนี้มุ่งเน้นผลิตบัณฑิตให้มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนา ด้านการประกันคุณภาพและการควบคุมคุณภาพ ด้านการผลิต และด้านกฎระเบียบและการขึ้นทะเบียนตำรับยา ตัวอย่างรายวิชาในหลักสูตร เช่น สรีรวิทยาสำหรับนักศึกษาเภสัชศาสตร์ อินทรีย์เคมีทางยาเบื้องต้น ชีวสถิติในงานเภสัชกรรม 

มหาวิทยาลัยขอนแก่น: หลักสูตร 6 ปี หลักสูตรนี้มุ่งเน้น เพื่อผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี ให้มีความรู้ ความสามารถ เจตคติที่ดีต่อ การปฏิบัติวิชาชีพเภสัชกรรม และเป็นหลักสูตร ที่ต้องการผลิตบัณฑิต เภสัชกร ให้มีความเพียบพร้อม ด้วยคุณธรรม และจริยธรรม 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: หลักสูตร 6 ปี หลักสูตรนี้แบ่งออกเป็น 2 สาขา คือ สาขาเภสัชกรรมอุตสาหกรรม และสาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม โดยปีที่ 1 จะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน เช่น เคมีทั่วไป สถิติ แคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมีฟิสิกัล เคมีอินทรีย์ เภสัชเวท ปีที่ 2 จะเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับระบบร่างกาย เช่น Biochemistry, Physiology, Immunology และ Microbiology

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์: หลักสูตร 6 ปี หลักสูตรนี้มุ่งเน้นผลิตเภสัชกรที่มีความโดดเด่นทางด้านทักษะเภสัชกรรมชุมชน สามารถแก้ไขปัญหาทางด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน 

มหาวิทยาลัยรังสิต: หลักสูตร 6 ปี  หลักสูตรนี้มุ่งเน้นพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในวิชาชีพเภสัชศาสตร์ด้วยการฝึกปฏิบัติงานจริงกว่า 2,000 ชั่วโมง 

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ: หลักสูตร 6 ปี หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรปริญญาตรี 6 ปี โดยการศึกษาช่วง 4 ปีแรก จะเป็นรายวิชาจำเป็นพื้นฐานสำหรับวิชาชีพทางเภสัชศาสตร์ ส่วนปีที่ 5 - 6 จะเป็นกลุ่มวิชาเลือกในสาขาวิชาต่าง ๆ 3 สาขา คือ สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม (Clinic) มุ่งเน้นให้บัณฑิตมีความชำนาญการบริบาลทางเภสัชกรรมระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ สาขาวิชาเภสัชกรรมอุตสาหกรรม (Industrial Pharmacy) มุ่งเน้นให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถในการผลิตยา ควบคุมคุณภาพยา วิจัยและพัฒนายา และสาขาวิชาเภสัชกรรมสังคม (Social Pharmacy) มุ่งเน้นให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการระบบยาและเภสัชภัณฑ์ 

ข้อกำหนดในการรับสมัคร

มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีข้อกำหนดในการรับสมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า ในแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ และมีคุณสมบัติอื่นๆ เพิ่มเติมตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด

ตัวอย่างข้อกำหนดในการรับสมัครของบางมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมหิดล: ผู้สมัครต้องสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น มีคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.00 หรือ 2.75 ขึ้นอยู่กับโครงการ  ไม่มีตาบอดสีขั้นรุนแรง และไม่มีปัญหาสุขภาพร่างกายและสุขภาพทางจิตที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ 6

มหาวิทยาลัยขอนแก่น: ผู้สมัครต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ กำลังศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีสุดท้าย และมีผลการศึกษาที่มีคะแนนสะสมเฉลี่ย GPAX (6 เทอม) ไม่น้อยกว่า 3.00 หรือเทียบเท่า 23

มหาวิทยาลัยรังสิต: ผู้สมัครต้องเป็นผู้กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายสามัญกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ต้องเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม รวมกันไม่น้อยกว่า 22 หน่วยกิต กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ต้องเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม รวมกันไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต 

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีการสอบคัดเลือกเพิ่มเติม เช่นมีการสอบสัมภาษณ์ และประเมินทัศนคติต่อวิชาชีพเภสัชกรรม 

ค่าเล่าเรียน

ค่าเล่าเรียนของหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตในแต่ละมหาวิทยาลัยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของมหาวิทยาลัย (รัฐบาล/เอกชน) แผนการเรียน และโครงการพิเศษต่างๆ

ตัวอย่างค่าเล่าเรียนของบางมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมหิดล: ค่าธรรมเนียมปีการศึกษาละประมาณ 19,000 - 36,000 บาท (ไม่รวมค่าหอพัก) 

มหาวิทยาลัยขอนแก่น:

หลักสูตรภาคปกติ: 18,000 บาทต่อเทอม

หลักสูตรโครงการพิเศษ: 35,000 บาทต่อเทอม

หลักสูตรโครงการพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ: 50,000 บาทต่อเทอม 

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์: 30,000 บาทต่อภาคการศึกษา 

การเปรียบเทียบหลักสูตรเภสัชศาสตร์

แม้ว่าหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตของแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีความคล้ายคลึงกันในด้านโครงสร้างหลักสูตร แต่ก็มีความแตกต่างกันในรายละเอียด เช่น

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีจุดเด่นในสาขาเฉพาะทาง เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มีชื่อเสียงด้านเภสัชกรรมคลินิก ขณะที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เน้นการผลิตบัณฑิตให้มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนา 

โอกาสในการทำวิจัย: มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีโอกาสในการทำวิจัยมากกว่า เช่น มหาวิทยาลัยที่มีคณาจารย์ที่มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในระดับนานาชาติจำนวนมาก หรือมีหน่วยงานวิจัยที่ทันสมัย

ความร่วมมือระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือทำวิจัยในต่างประเทศ

แนวโน้มการศึกษาเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย

จากข้อมูลที่รวบรวมได้ พบว่าแนวโน้มการศึกษาเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย มีดังนี้

การเน้นทักษะการปฏิบัติ หลักสูตรเภสัชศาสตร์ในปัจจุบัน increasingly เน้นการพัฒนาทักษะการปฏิบัติวิชาชีพ เพื่อให้บัณฑิตมีความพร้อมในการทำงานจริงมากขึ้น

ความสำคัญของเภสัชกรรมชุมชน หลักสูตรหลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับเภสัชกรรมชุมชนมากขึ้น  เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมบทบาทของเภสัชกรในชุมชน

โอกาสในการทำงาน

บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรเภสัชศาสตร์ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย ทั้งในภาครัฐและเอกชน 

เภสัชกรโรงพยาบาล: ทำหน้าที่จ่ายยา ให้คำปรึกษาเรื่องยาแก่ผู้ป่วย และดูแลการใช้ยาในโรงพยาบาล  

เภสัชกรคลินิก: ทำงานในคลินิกหรือศูนย์สุขภาพ  

เภสัชกรชุมชน: ทำหน้าที่จ่ายยา ให้คำปรึกษาเรื่องยา และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนในร้านยา  

เภสัชกรในโรงงานอุตสาหกรรม: ทำงานในด้านการผลิตยา ควบคุมคุณภาพยา วิจัยและพัฒนายา  

อาจารย์: สอนในสถาบันการศึกษาทางด้านเภสัชศาสตร์  

นักวิจัย: ทำงานวิจัยทางด้านเภสัชศาสตร์  

ผู้ประกอบการ: เปิดร้านยา หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเภสัชกรรม 

เภสัชกรด้านการคุ้มครองผู้บริโภค: ทำหน้าที่ควบคุมดูแลมาตรฐานของโรงงานและผลิตภัณฑ์ยา  

เภสัชกรด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์ทางคลินิก  

เภสัชกรด้านการขึ้นทะเบียนยา  

เภสัชกรการตลาด  

โดยทั่วไปแล้ว บัณฑิตเภสัชศาสตร์มักจะทำงานตามสาขาที่เรียนมา เช่น สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ มักจะทำงานในโรงงานผลิตยา ส่วนสาขาบริบาลเภสัชกรรม มักจะทำงานในโรงพยาบาล คลินิก หรือร้านยา อย่างไรก็ตาม บัณฑิตสามารถเลือกทำงานในสายอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาได้เช่นกัน

ตัวอย่างงาน

หลักสูตรเภสัชศาสตร์ในประเทศไทย มีความหลากหลายและได้รับการรับรองจากสภาเภสัชกรรม ทำให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย ทั้งในภาครัฐและเอกชน การเลือกศึกษาต่อในหลักสูตรเภสัชศาสตร์ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับนักเรียนที่สนใจในวิทยาศาสตร์สุขภาพ และต้องการประกอบอาชีพที่มีความมั่นคงและมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร ค่าเล่าเรียน อาจารย์ผู้สอน และโอกาสในการทำงาน จะช่วยให้นักเรียนสามารถตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมกับตนเองได้


ข้อมูลอ้างอิง 

สภาเภสัชกรรม www.pharmacycouncil.org 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย www.ptsc.pharm.chula.ac.th

มหาวิทยาลัยมหิดล www.pharmacy.mahidol.ac.th

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ www.pharmacy.cmu.ac.th

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ www.pharmacy.psu.ac.th

มหาวิทยาลัยขอนแก่น pharm.kku.ac.th

มหาวิทยาลัยศิลปากร pharmacy.su.ac.th

มหาวิทยาลัยนเรศวร www.pha.nu.ac.th

มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ pharmacy.swu.ac.th

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม pharmacy.msu.ac.th

มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี phar.ubu.ac.th

มหาวิทยาลัยพะเยา www.pharmacy.up.ac.th

มหาวิทยาลัยรังสิต rsupharmacy.rsu.ac.th

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ pharmacy.hcu.ac.th

มหาวิทยาลัยสยาม pharmacy.siam.edu

มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย https://sites.google.com/eau.ac.th/schoolofpharmacy

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ www.pharm.tu.ac.th

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ pharmacy.wu.ac.th

มหาวิทยาลัยพายัพ pharmacy.payap.ac.th

มหาวิทยาลัยบูรพา pharm.buu.ac.th

https://www.pharmacycouncil.org/index.php?option=content_detail&view=detail&itemid=3357&catid=1

https://www.u-review.in.th/th/edu/34264

https://www2.rsu.ac.th/upload/file/File%20%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%202562-2563/3_%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20(%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3).pdf

https://pharm.kku.ac.th/psthai/items/files/course/2546th/pharm-course-46.pdf

https://pharmacy.cmu.ac.th/60th/

https://pharmacy.wu.ac.th/wp-content/uploads/2019/02/Curriculum-Pharmacy-2562.pdf

https://pharmacy.su.ac.th/news/Branch_Selection_Guide.pdf

https://registrar.kku.ac.th/apply/files/1af9d0c76e233886f928b5f19d3850e2.pdf