เภสัชกรยุค AI บทบาทที่ต้อง “ปรับ” แต่ไม่ “หาย”
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ AI เข้ามามีบทบาทอย่างกว้างขวางในระบบสาธารณสุข และหลายวิชาชีพต่างถูกตั้งคำถามว่า “จะถูกแทนที่หรือไม่” ซึ่งอาชีพเภสัชกรเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงคำถามนั้นได้เช่นกัน
AI ในปัจจุบันสามารถทำได้ตั้งแต่การช่วยวินิจฉัยโรค การแนะนำการใช้ยาเบื้องต้น การวิเคราะห์ปฏิกิริยาระหว่างยา ไปจนถึงการคำนวณขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของเภสัชกรโดยตรง แต่คำถามคือ แล้วบทบาทของเภสัชกรในอนาคตจะถูกแทนที่ด้วย AI ได้หรือไม่
คำตอบคือ “ไม่สามารถแทนได้ทั้งหมด”
เพราะแม้ AI จะช่วยจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่หัวใจสำคัญของการให้คำปรึกษาทางยา คือความเข้าใจมนุษย์ในแบบที่ AI ยังทำไม่ได้ อย่างเช่น หากถามว่า “ปวดหัวต้องรับประทานยาอะไร” AI อาจตอบกลับได้ทันทีว่า ยาอะไรบ้าง วิธีรับประทาน ผลข้างเคียง หรือข้อควรระวัง ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องและครบถ้วนเสียด้วย แต่ถ้าในฐานะเภสัชกร การให้คำแนะนำด้านยาไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูลเชิงเทคนิคเท่านั้น หากยังต้องอาศัยวิจารณญาณทางคลินิก (clinical judgment) และการซักประวัติผู้ป่วยอย่างละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยทักษะทางมนุษย์โดยเฉพาะ
เภสัชกรจำเป็นต้องซักประวัติผู้ป่วยก่อนให้คำแนะนำเรื่องยา เช่น โรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ประวัติการแพ้ยา อาการร่วมอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงโรคที่ต้องพบแพทย์ พฤติกรรมการใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน ซึ่งเป็นการตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อค้นหาพฤติกรรมการใช้ยาอย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้คือ “soft skill” ที่มาจากประสบการณ์และความเข้าใจ ซึ่งยังไม่มีอัลกอริทึมใดทำแทนได้
ในขณะเดียวกัน เภสัชกรยุคใหม่จำเป็นต้องปรับตัว ไม่ใช่เพื่อต่อต้าน AI แต่เพื่อ “ใช้ AI ให้เป็น” เช่น การใช้เครื่องมือ AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งใช้ยา วิเคราะห์แนวโน้มอาการไม่พึงประสงค์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การสนับสนุนระบบเภสัชกรรมทางไกล (telepharmacy) หรือแม้แต่ใช้เทคโนโลยีช่วยติดตาม adherence ของผู้ป่วย เพื่อดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น เภสัชกรจึงไม่ใช่อาชีพที่จะถูกแทนที่โดย AI แต่คือการ “ทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด” โดยเภสัชกรต้องพัฒนาทักษะการใช้ข้อมูล (data literacy) ควบคู่กับทักษะการสื่อสารและความเข้าใจเชิงมนุษย์ (human empathy) และในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาท เภสัชกรที่อยู่รอดไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่คือคนที่ “เรียนรู้เร็วที่สุด” และรู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมคุณค่าของ “ความเป็นมนุษย์” ในวิชาชีพของตนเอง
บทความโดย
ภญ.จันทรรัตน์ หลิววิบูลผล

